เติมน้ำยาแอร์รถยนต์ด้วยตนเอง ทำเองก็ได้(วะ)
ร้อน ร้อนๆๆๆๆๆ เมื่อมีรถเข้าไปอยู่ในรถแล้วมันร้อน มีอยู่ไม่กี่อย่างครับ ประการแรกไม่ได้ติดเครื่องและเปิดแอร์ ประการที่สองติดเครื่องเปิดแอร์แต่ไม่เย็น ประการที่สามติดเครื่องเปิดแอร์ แอร์เย็นแต่เบาะที่นังมันร้อน มันเป็นอย่างไรหละช่างโหน่ง ประการที่สามดูแปลกๆ จะไม่แปลกอย่างไรครับขับขี่ไปใหนก็ร้อนเพราะค้างค่างวดมาหลายงวดแล้วครับเขาจะมายึดรถเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อันนี้ก็ทำให้คนในรถร้อนได้ครับ.
เรื่องของคนหลงในวัตถุอยากขี่รถใหม่หาเงินไม่ทันมันก็ต้องร้อนอย่างนี้หละครับ รถเก่าขี่ได้เหมือนกันซื้อรถเก่าเงินสดสภาพดีๆไม่งวด ไม่ต้องกลัวใครมายึดบายใจ นานาจิตตังครับเลือกเอา เรามาพูดถึงประการที่สองกันดีกว่า ติดเครื่องเปิดแอร์แล้วไม่เย็นหรือเย็นไม่มาก
สาเหตุที่แอร์ไม่เย็นมีส่วนประกอบหลายอย่าง
การตรวจสอบเองเบื้องต้นไม่ต้องมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์หรือแอร์ก็ทำได้ครับ
1.เปืดฝาปิดเครื่องหน้ารถ(ฝากระโปง) เข้าเกียร์ว่างดึงเบรกมือ ติดเครื่องเปิดแอร์ สังเกตุที่ตัวอัดน้ำยา(คอมเพรสเซอร์)ต้องหมุนด้วย ถ้าดูไม่เห็นให้เอาเทปกาวสีขาวติดด้านหน้าที่แผ่นเหล็ก หากไม่หมุนสายพานหย่อนยานหรือไม่ให้ดับเครื่องแล้วกดดู หากกดดูแล้วไม่หย่อน แต่คอมเพรสเซอร์ไม่หมุน อย่างนี้ต้องให้ช่างไฟรถยนต์ตรวจดูให้ครับ.
…………………………………………..
………………………………………….
2.คอมเพรสเซอร์หมุนแต่ลมเย็นไม่มาก น้ำยาอาจจะขาดหรือคอมเพรสเซอร์ทำงานแรงอัดไม่ดี ในที่นี้เราเรียนรู้การเติมน้ำยาก่อนครับ น้ำยาที่เติมในรถที่นิยมกันจะมีอยู่ 2 เบอร์ คือ R12 และ R134 รถรุ่นเก่าส่วนมากจะเป็น R12 ส่วนรุ่นใหม่จะเป็น R134 จะสั่งเกตุอย่างไรครับ R12 หัวเติมจะเป็นเกลียวหรือติดอยู่ที่คอมเพรสเซอร์เลยครับ ส่วน R134 จะเป็นหัวเกลียวเหมือนกันแต่เป็นเกลียวอยู่ข้างใน.
………………………………………………
………………………………………………
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเติมเบื้องต้น
1.สิ่งที่ขาดไม่ได้คือน้ำยาแอร์ เมื่อเรารู้แล้วว่ารถเราใช้น้ำยาแอร์เบอร์อะไรเราก็ใช้น้ำยาเบอร์นั้นๆ เนื่องจากเราไม่ได้เติมเป็นอาชีพ การซื้อน้ำยาอาจจะซื้อมาไว้สักสามกิโลที่ร้านขายน้ำยาเขาจะมีแบ่งขายครับ ส่วนถังก็ขอซื้อถังเปล่าเปล่าเขาราคาถังแล้วแต่ใบหน้าของเราครับ ถ้าหน้าดูบ้านนอกๆเซ่อๆเหมือนช่างโหน่งเขาก็ขายใบละ500บาท(ในสมัยก่อนเมื่อหาถังยากเคยซื้อในร้านดังตัวออนึกว่ามีน้ำยาด้วย ฟันเราหัวแตกสมน้ำหน้า555)แต่สมัยนี้ถ้าร้อนเงินไม่มากอาจจะขายใบละ100หรือ50บาทครับ หรือที่เขาบรรจุพร้อมถังขนาด 6 กิโลก็ไม่เกิน8-9ร้อยบาทไม่เกินนี้ครับ
น้ำยา R12 ราคาค่อนข้างที่จะแพงกว่าครับ แต่ในอนาคตคงไม่มีใครใช้แล้วครับ.
………………………………………………..
………………………………………………….
น้ำยาใช้แทนกันได้หรือไม่
ถ้าเป็นฝรั่งมันบอกอย่างเดียวว่าNO แต่พี่ไทยมีอะไรก็เติมเท่าที่มี อ้าว!!!แล้วมันไม่ระเบิดเหรอช่างโหน่ง? น้ำยา R134 แรงดันสูงกว่า R12 เขาว่ามาอย่างนั้น(เขาอยู่บนหัวควาย) ถ้าเราเอาน้ำยาแรงดันสูงกว่ามาเติมอาจจะทำให้อุปกรณ์อัดก๊าซ(คอมเพรสเซอร์)เสียหายได้ คือR134 เติมเข้าแทน R12
แต่ถ้าน้ำยาแรงดันต่ำ R12 ไปเติมใน R134 ได้ อ้าว!!!!! ราคาก็แพงกว่า หัวเติมก็ไม่เหมือนกันคิดได้แนะนำได้ยังงัยวะ แสดงว่าตัวยาคงเหมือนกันแต่มันคงผสมอะไรเพิ่มขึ้นเพื่อให้แรงดันก๊าซสูงขณะที่อัดให้เป็นก๊าซ (แหกตากูอีกแล้ว) ในเมื่ออนาคตต้องใช้ R134 อยู่แล้ว แล้วจะเติม R12 ทำไม(วะ) พังเป็นพังถึงอย่างไรรถก็เก่า คอมเพรสเซอร์ก็เก่าของเราเองในอนาคตต้องเปลี่ยนมาใช้น้ำยาเบอร์R134 อยู่แล้ว รถคันอื่นในบ้านก็ใช้ R134 อยู่แล้วจะไปซื้อน้ำยา R12 มาทำไม ใช่ไหมครับ อ้าว!! แล้วน้ำมันคอมเพรสเซอร์ของเก่าเป็น R12 จะไม่ต้องถอดออกเททิ้งแล้วใช้น้ำมันของ R134 หรือไม่เรื่องใหญ่งานช้างนะช่างโหน่ง? ในเมือตัวน้ำยามันแทนกันได้ช่างโหน่งคิดว่าน้ำมันก็น่าจะไม่แตกต่างกันมาก(มึงไม่ได้กินเงินกูหรอกเว้ย… เพราะกูไม่มีเงิน 555) คิดได้ดังนั้นพังเป็นพัง(ไม่บอกเมีย)ลองสักนิดดิมันจะเย็นไหม ถ้าเย็นเมียไม่ด่า ถ้าไม่เย็นเมียด่าเสี่ยงเอาช่างโหน่ง…
ก่อนเติมน้ำยาเตรียมอะไรบ้าง
เห็นช่างแอร์มีตัววัดแรงดันแบบสองหัวมีสีน้ำเงินและสีแดง อันนี้หละฉันต้องมีขอเงินเมียไปซื้อคงไม่ให้แต่ขอเงินไปซื้อเบียร์เมียให้(ไม่ให้ไม่ได้กูกินมาก่อนจะอยู่กับมึง555)เลยต้องกินเบียร์น้อยลงได้เงินไปซื้อเกย์วัดแรงดันพันกว่าบาท เมียตกใจมึงไปเอาเงินที่ใหนไปซื้อของ จะกินยังไม่พอ โธ่…เมียจ๋าอันนี้ยืมเพือนมาเพื่อนมีหลายอัน เอ่อแล้วไป..เฮ้อออลำบากจริงๆครับ.
………………………………………………..
………………………………………………..
จะเห็นว่ามีตัวเลขอะไรมากมาย แล้วกูจะรู้ไหมเนี้ยมันคืออะไร จะไปถามช่างแอร์เขาหรือจะบอก ไม่ต้องรู้อะไรมากวะ ถ้าเข็มตีขึ้นสูงแรงดันก็สูงมันก็แค่นั้นแฮ่ๆๆ ช่างโหน่งฉลาดไหมครับท่าน อ้าว!!แล้วถ้ามันดันมากๆมันจะไม่ระเบิดเหรอช่างโหน่ง ปะโธ่ปะถังกาละมังถังแตก…ท่านก็ดูอย่าให้มันขึ้นสูงซิครับเบาๆไว้ก่อน
ถ้าเป็นรถรุ่นใหม่หัวเติม R134 จะไม่เหมือนกันครับเป็นเกลียวใน เราต้องมีอุปกรณ์สวมใส่พิเศษ.
……………………………………………..
………………………………………….
จะมองเห็นลูกศรเหมือนจุ๊บลูกศรยางรถ อันนี้อยู่ข้างในต้องดันมันถึงจะเปิดครับ ช่างโหน่งเองไม่มีความรู้ด้านแอร์มัวแต่ไปหาเกลียวในที่จะต่อออกมาใส่เกย์วัด ไปถามร้านขายอะไหล่พวกนี้เขาก็บอกไม่มี แต่พอบอกว่าเอาไปเติม R134 เขาก็หยิบอันนี้มาให้ครับ.
………………………………………………….
………………………………………………….
ตัวนี้ใช้สวมแล้วกดลงไปเลยครับสำหรับน้ำยา R134 ซึ่งรถรุ่นใหม่จะเป็นแบบนี้หมดแล้วครับ ส่วนสีฟ้าจะเป็นหัวทางด้านแรงดันต่ำ เราจะเอาไปสวมที่อื่นไม่ได้เพราะขนาดมันต่างกันครับ.
…………………………………………………
…………………………………………………
วิธีเสียบ วางหัวให้ตรงกับจุ๊บดันล็อกขึ้นแล้วค่อยดันหัวลงไป หลังนั้นถ้ามันเข้าให้ปลดล็อกลงครับ.
ถ้าเป็นรถรุ่นเก่า น้ำยา R12 ส่วนมากจะเติมที่คอมเพรสเซอร์เลยครับ.
………………………………………………
……………………………………………..
วิธีเติมน้ำยาแอร์รถยนต์
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าช่างโหน่งไม่ใช่ช่างแอร์และไม่มีความชำนาญด้านแอร์นะครับ แต่ที่เขียนบทความนี้เพื่อเป็นแนวทางให้สำหรับท่านที่อยากลองทำเอง ซึ่งช่างโหน่งทำมาแล้วและยังใช้งานอยู่เป็นปีๆไม่เจอปัญหาอะไร และไม่ได้เข้าร้านแอร์รถยนต์อีกเลยตลอดชีวิตครับ ผลที่ได้ศึกษาเรียนรู้มาด้วยตนเองยังสามารถเผื่อแผ่ให้บ้านใกล้เรือนเคียงญาติพี่น้องแบบฟรีๆไม่คิดเงินเลยครับ เพราะสิ่งที่เราให้เขา เขาดีใจแอร์เย็นสบายใจได้บุญมากกว่าเงินที่เราจะได้รับอีกครับ(สาธุ).
ตามที่กล่าวข้างต้น รถเราใช้น้ำยา R12 จะเติม R134 ได้ไหม ช่างโหน่งลองแล้วครับไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย เติมได้เลยครับ แม้แรงดันน้ำยาจะสูงกว่ากัน แต่เราไม่ได้เติมมากใช่ไหมครับปรกติเติม90% แต่เราเติมสัก50-60% ก็ไม่มีใครว่าครับ วิธีการเติมต้องเรียนรู้จุดที่เราจะต่ออุปกรณ์ก่อนครับ เช่นต่อสายเกย์วัดแรงดันต่ำหรือท่อดูด(L) เข้าที่ตัวคอมเพรสเซอร์หรือจุดต่อต่างๆซึ่งรถแต่ละคันไม่เหมือนกันอธิบายไม่ได้ครับ หากไม่รู้จริงๆถ่ายรูปส่งมาให้ช่างโหน่งดูก็ได้ครับ.
…………………………………………..
…………………………………………..
เมื่อต่อสายเกย์วัดน้ำยาแรงดันต่ำหรือทางหัววัดสีฟ้า ความจริงหากวาวล์ทางสีฟ้าเสียจะต่อเกย์ทางสีแดงแทนก็ได้ครับไม่มีปัญหาแต่การอ่านค่าต้องกะเอาครับ ส่วนถังจะคว่ำหรือตั้งดี เนื่องจากเราเติมน้ำยาในสะถานะเป็นแก็สอย่าเข้าใจว่าเติมน้ำต้องคว่ำถังเพราะฉะนั้นมือใหม่ให้ตั้งถังดีกว่าครับ ส่วนจะเห็นที่ร้านเขาคว่ำถังเพราะเมือวัดดูน้ำยาแอร์ขาดมากเขาต้องการเวลาทำเงินจึงคว่ำถังน้ำยาก็จะเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ผลเสียคือถ้าเกินแก้ไม่ทันอาจทำให้ตัวอัดก๊าซหรือคอมเพรสเซอร์เสียหายได้ครับ.
ต่อสายเข้าคอมในรถและถังเรียบร้อย ต่อไปคือการเติมน้ำยาและอ่านค่าครับ.
…………………………………………………….
……………………………………………………
รูปข้างบนเป็นเกย์วัดแรงดันต่ำอันเดียว ขนาดเล็กดีครับเราไม่ได้ทำอะไรมากมายเอาแค่นี้ก็น่าจะพอนะครับราคาประมาณ8-9ร้อยบาทครับ
เมื่อต่อเรียบร้อยอย่าเพิ่งติดเครื่องรถ ปิดเกย์วัดทั้งหมดรวมทั้งถังน้ำยาด้วยครับ ปิดวาวล์สีฟ้าไว้ก่อนครับ เรามาดูเข็มที่เกย์วัดก่อนมันอยู่ตำแหน่งใหนตอนยังไม่ติดเครื่อง ซึ่งจะสังเกตุเห็นว่าเข็มวัดขึ้นไปสูงให้ทำเครื่องหมายไว้ครับ หลังจากนั้นตรวจดูความเรียบร้อยก่อนติดเครื่องว่าวางอะไรเกะกะ หรือสายน้ำยาไปติดสายพานหรือพัดลมหรือไม่ครับ เมื่อตรวจดูความเรียบร้อยแล้วให้ติดเครื่อง จะเห็นว่าเข็มลดลง นั่นก็คือคอมเพรสเซอร์ทำงานความดันถูกดูดไปแล้วครับ.
………………………………………………….
…………………………………………………..
ตามรูปก่อนติดเครื่องสมมุติว่าอยู่ที่เลข 60 หลังติดเครื่องอยู่ที่เลข 40 ส่วนค่าหรือหน่วยการวัดชาวบ้านอย่างเราอย่าไปสนใจครับไม่ได้ทำเอาถ้วยรางวัล รายละเอียดช่างโหน่งไม่ขอกล่าวถึงไปค้นหาเอาเองครับ.
ติดเครื่องแล้วแอร์ไม่เย็น ต่ำแหน่งเข็มอยู่ที่ 40 หรือเมื่อเร่งเครื่องแล้วเข็มลดลง แต่พอปล่อยคันเร่งเข็มก็จะกลับมาอยู่ที่ 40 เหมือนเดิม แสดงว่าคอมเพรสเซอร์ทำงานได้ดีอยู่มีแรงดูด แต่น้ำยาไม่มีหรือมีน้อยดูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเป็นคนก็เหนื่อยเปล่าๆ เอาหละครับต่อไปเป็นนาทีระทึกใจ…….
ปิดวาวล์สีฟ้าอยู่แล้ว เปิดวาวล์ที่ถังน้ำยาที่ตั้งขึ้นไม่คว่ำถังนะครับ น้ำยาจะไม่เข้าไปจนกว่าเราจะเปิดวาวล์สีฟ้า เมื่อตรวจดูสายน้ำยาระหว่างเกย์และถังว่าไม่มีการรั่ว ก็ให้เปิดวาวล์สีฟ้าจะเห็นน้ำยาค่อยๆไหลเข้าครับ ไม่ต้องเร่งเครื่องนะครับ
……………………………………………..
…………………………………………….
ติดเครื่องไว้สัก5นาที ตรวจสอบความเย็นภายในรถ เปิดตัวปรับความเย็นสูงสุด เปิดพัดลมสูงสุด ถ้ามีความเย็นบ้างดีกว่าเดิมก็แสดงว่าทุกอย่างทำงานถูกต้องมาถูกทางแล้วหละครับ.
ต่อไปคือการอัดน้ำยา ทำไมต้องอัดช่างโหน่ง มันจะไม่ระเบิดหรือ? คำถามสำหรับท่านที่ไม่เคยทำแต่สำหรับช่างโหน่งหน่วยกล้าตายจะบอกวิธีให้ครับ.
เตรียมน้ำไว้ราดบริเวณแผ่นคอยล์ร้อนส่วนใหญ่จะติดอยู่ด้านหน้าของหม้อน้ำครับ ทำไมต้องราดน้ำ?นั่นดิเห็นช่างเขาราดช่างโหน่งจำช่างมาก็ราดตามเขา(เขาก็อยู่บนหัวควาย) เหตุผลจะเป็นเพราะว่าน่าจะช่วยลดความร้อนที่คอมเพรสเซอร์ดันออกมาในสถานะแก็สมาผ่านคอลย์ร้อนให้เป็นของเหลวแล้วจึงผ่านตัวกรองและดูดความชื้น(ไดเออร์)และส่งเข้าห้องโดยสารในรถอีกที เราเอาร้ำราดมันก็จะกลายเป็นของเหลวได้เร็วขึ้นซึ่งช่างโหน่งเข้าใจเองนะครับผิดหรือถูกก็ขออภัยช่างและท่านผู้รู้ทั้งหลายไว้ด้วยครับ(โว้ย)
ทุกอย่างยังคงเปิดอยู่ วาวล์สีฟ้า วาวล์ถังน้ำยา ติดเครื่องยนต์อยู่ เตรียมน้ำเรียบร้อยแล้วราดเข้าไปที่คอลย์ร้อนของแอร์สักสองสามขันหรือฉีดน้ำเข้าไป เมื่อราดเสร็จแล้วเร่งเครื่องยนต์(ไม่ต้องแรง) จะเห็นน้ำยาไหลเข้าสังเกตุดูเข็มวัดแรงดันจะต่ำลงกว่าเดิม และพอหยุดเร่งเข็มก็จะอยู่ตำแหน่งนั้นซึ่งต่ำกว่าตอนแรกที่ติดเครื่องครับ แสดงว่าน้ำยาเข้าไปแล้วครับ.
………………………………………….
…………………………………………
เข็มลดลงอีก ตรวจดูความเย็นรถหากความเย็นได้พอใจแล้วก็เป็นการเสร็จสิ้นการเติมน้ำยาครับ ดับเครื่อง ปิดวาวล์ทุกตัวแล้วถอดสายทั้งหมดออก สุดท้ายตรวจดูจุ๊บที่อัดน้ำยาว่ารั่วหรือไม่ ก็เป็นอันจบการเติมน้ำยาแอร์เบื่องต้นครับ.
หากยังไม่พอใจก็เติมได้อีกครับ โดยเอาน้ำราด เร่งเครื่อง แต่อย่าให้ถึงเลข 30 นะครับ เพราะน้ำยาอาจมากเกินไปเครื่องยนต์ทำงานหนักความดันทางด้านคอลย์ร้อนอาจสูงมาก ยิ่งถ้าเอา R134 เติมแทน R12 แล้ว เอาพออยู่กลางแดดร้อนๆแล้วรถเราเย็นก็พอแล้วครับ เวลาเติมมีเครื่องวัดอุณหภุมิในรถยิ่งดีครับจะได้เห็นชัดขึ้นครับ.
ส่วนค่าตัวเลขต่างๆเป็นตัวเลขที่ช่างโหน่งจดมาจากการเติม ค่าตัวเลขของรถแต่ละคันไม่เหมือนกันนะครับ เพียงเป็นตัวเลขอ้างอิงและประมาณการทำงานเพื่อให้เข้าใจ ข้อมูลอาจไม่เหมือนกันช่างบ้านนอกไม่มีความรู้อะไร กะเอาครับเย็นแล้วก็พอใจอย่าเติมากนะครับ ผลเสียมากกว่าผลดี ถ้าเย็นไม่พอก็เติมใหม่ได้อีก น้ำยาก็มี เครื่องเติมก็มีไม่ได้เสียเงินเพิ่ม เติมแล้วทดลองวิ่ง ไม่เย็นก็เติมอีกจนเรารู้ค่าตัวเลขบนเกย์วัดว่ารถเรามันชอบขนาดใหนครับ.
สุดท้ายหาข้อมูลมากๆ ฝึกเติมให้ญาติพี่น้องบ้าง เพื่อนบ้านบ้าง เดี๋ยวก็รู้เองครับ ในที่สุดท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ทำให้คนเย็นได้ครับ.
โทร.0887666003